กกพ. กาหนดหลักการปฏิบัติ (CoP) เพื่อกากับดูแลการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เน้นความปลอดภัย และคานึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
คณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้จัดทาประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice: CoP)* สาหรับผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากเทคโนโลยีแผงโฟโตโวลเทอิกขึ้น จานวน 2 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมผู้ประกอบกิจการที่เข้าข่ายต้องได้รับใบอนุญาต ที่มีกาลังการผลิตติดตั้ง ตั้งแต่ 1,000 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) ขึ้นไป และผู้ประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาต ที่มีกาลังการผลิตติดตั้งต่ากว่า 1,000 kVA โดย CoP ทั้ง 2 ฉบับได้เน้นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบติดตั้ง และการกาจัดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่ชารุดหรือหมดอายุการใช้งาน ตลอดจนกาหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ปฏิบัติตามมาตรการได้อย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกากับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยถึงการออกประมวลหลักการปฏิบัติ หรือ CoP จานวน 2 ฉบับ ว่า เป็นการดาเนินงานโดยพิจารณาถึงขอบเขตอานาจหน้าที่ของ กกพ. ภายใต้ พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 และได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้หารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อนาข้อคิดเห็นที่ได้มาพิจารณาทบทวน และปรับปรุงให้มาตรการมีความสมบูรณ์และเป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน ประกอบด้วย สานักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในภาคนโยบายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกาหนดมาตรฐานและความปลอดภัยในการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์
“จากการที่ กกพ. ได้กาหนดมาตรการใน CoP ดังกล่าว ช่วยให้ กกพ. มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้ใบอนุญาต และมีมาตรการกากับดูแลให้ผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย โดยเน้นความสาคัญกับการสร้างความเข้าใจกับชุมชน และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตั้งแต่ระยะเตรียมการโครงการ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการลดข้อวิตกกังวลและคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ อีกทั้งเป็นกลไกที่ช่วยให้โครงการที่ปฏิบัติตามมาตรการใน CoP มีการพัฒนาโครงการไปในแนวทางเดียวกับหลักเกณฑ์การประเมินโครงการ CDM โดยไม่สร้างภาระอัน เกินควรให้แก่ผู้ประกอบกิจการพลังงานตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน” นายวีระพล กล่าว
* 1. ประกาศ กกพ. เรื่อง มาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม สาหรับผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากเทคโนโลยีแผงโฟโตวอลเทอิก ที่เข้าข่ายต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2557 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2557
2. ประกาศ กกพ. เรื่อง มาตรการด้านการออกแบบติดตั้งและการจัดการขยะและกากของเสีย สาหรับผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากเทคโนโลยีแผงโฟโตวอลเทอิก ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2557 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557
เกี่ยวกับ กกพ.
คณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน องค์กรหลักในการกับดูแลกิจการพลังงานของชาติด้านกิจการไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมให้มีการบริการอย่างมั่นคง และมีเสถียรภาพ ในราคาที่เหมาะสม โดยยึดมั่นในความยุติธรรม คุณธรรม และความโปร่งใส ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และพึ่งพากันอย่างยั่งยืน ระหว่างกิจการพลังงาน สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นตั้งใจพัฒนารากฐานพลังงานของประเทศ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ฝ่ายใบอนุญาต สานักงานคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (สานักงาน กกพ.)
โทรศัพท์ 0-2207-3599
โทรสาร 0-2207-3502
ที่มา : www.erc.or.th